こんにちわ สวัสดีผู้เยี่ยมชมบล๊อกทุกคนคะ

こんにちわ สวัสดีผู้เยี่ยมชมบล๊อกทุกคนคะ
บล๊อกนี้เขียนขึ้นเพื่อเล่าเรื่องประสบการณ์ของการเดินทางไปเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนระหว่างนักศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 6สัปดาห์ ซึ่งเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเราในการไปใช้ชีวิตต่างแดนและอยากจะนำรายละเอียดมาเล่าสู่กันฟังคะ หวังว่าข้อมูลในบล๊อกจะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมนะคะ

ありがとうございます。


วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

กิจกรรมในสัปดาห์ที่หก(สัปดาห์สุดท้าย)

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 
        วันนี้ทั้งวันเป็นวันที่เกี่ยวกับการนำเสนอการ Interview ของพวกเราทุกคนคะ ซึ่งมีทั้งหมด 8 กลุ่มคะ โดยช่วงเช้าจะเป็นการเตรียมตัวและซ้อมใหญ่กับห้องประชุมจริงสำหรับทุกกลุ่มคะ และจะมีผู้ที่ต้องทำหน้าที่เป็น MC หรือพิธีกรในการดำเนินการซึ่งช่วงเช้าของวันนี้ถือเป็นการซ้อมจริงก่อนการเข้าชมคะ โดยแขกผู้ที่มาเข้าร่วมชมการ Interview ในครั้งนี้ก็คือ นักศึกษาโครงการศึกษาวัฒนธรรมญี่ปุ่น (UP 4), นักศีกษามหาวิทยาลัยญี่ปุ่นที่ให้เราสัมภาษณ์, คนญี่ปุ่นที่อายุ 50-60 ปี ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายมาให้เราสัมภาษณ์, Home Visit ที่โครงการของพวกเราไปเยี่ยมบ้าน และอาจารย์ในศูนย์ The Japan Foundation คะ
         โดยกลุ่มของเราเป็นกลุ่มแรกเลยคะที่ขี้น Present ทำให้หลังจากซ้อมใหญ่ในช่วงเช้าเสร็จแล้ว เราจึงมีเวลาเหลืออีกเยอะ สำหรับการฝึกซ้อมพูดให้สามารถจำบทพูดให้ได้มากที่สุดคะ หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ช่วงบ่ายที่บริเวณหน้าห้องประชุมก็จะมีโต๊ะสำหรับให้แขกผู้มาเข้าร่วมฟังได้ลงทะเบียนคะ หลังจากนั้นแต่ละกลุ่มก็จะขึ้น Present ตามลำดับคะ โดยกลุ่มของเราเป็นกลุ่มแรกคะ แต่เราจะนั่งด้านข้างของเวทีคะเพราะต้องเป็นผู้ที่คอยควบคุม Power Point ที่ใช้ในการนำเสนอ โดยหลังจากที่ Present เสร็จแล้วเราก็ต้องเตรียมตอบคำถามเกี่ยวกับการ Interview ของเราด้วยคะ



โต๊ะลงทะเบียน



บรรยากาศการนำเสนอ Interview


วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2554
        วันนี้เป็นวันที่ทางศูนย์ The Japan Foundation พาพวกเราไปเที่ยวเกียวโต-นารา 2 วัน 1 คืน โดยตอนเช้าพวกเรานัดหมายกันออกเดินทางเวลา 07.30 น. และรับอาหารเช้าที่ประชาสัมพันธ์เพื่อไปทานบนรถบัสคะ หลังจากนั้นเวลา 09.00 น.รถบัสก็ขับมาถึงที่เกียวโตคะ และพาเรามาที่แรกก็คือThe MARUMASU NISHIMURAYA YUZEN KOBO (丸益西村屋) ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งสอนการเพ้นท์สีลงบนผ้าแบบดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น ในครั้งนี้พวกเราได้ลงมือเพ้นท์ผ้าเช็ดหน้าคะ โดยเราสามารถเลือกลวดลายที่เราชอบนำมาเป็นแบบในการเพ้นท์ได้ตามต้องการคะ




เพ้นท์ผ้าที่ คือThe MARUMASU NISHIMURAYA YUZEN KOBO

         หลังจากนั้นเวลา 11.30 น. พวกเราก็เดินทางไปรับประทานอาหารกลางวันที่ 二粂駅付近 โดยให้พวกเราได้เลือกทานอาหารตามอัธยาศัยและมีเวลาให้เรา  1 ชั่วโมงในการรับประทานอาหาร และนัดเจอกันเวลา 12.30 น. เพื่อเดินทางไปต่อยังวัดศาลาทอง (金閣寺) ซึ่งเป็นวัดที่เรารู้จักกันดีในการ์ตูนเรื่องอิคคิวซัง ภายในนั้นมีศาลาทองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วยคะ


วัดศาลาทอง (金閣寺)

         หลังจากนั้นเวลา 14.10 น.เราก็เดินทางต่อไปยังวัด Kitano Tenman-gu (北の天満宮) และไปชมดอกบ๊วยบานพร้อมกับการจิบชาคะ หลังจากนั้นเราก็เดินเข้าไปเยี่ยมชมในตัววัด วัดนี้เป็นวัดที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการมาขอพรให้ประสบความสำเร็จเกี่ยวกับการเรียน ภายในวัดจึงมีเครื่องรางที่เน้นเกี่ยวกับการเรียนและการสอบเข้าเยอะมากคะ


ชมดอกบ๊วย


วัด Kitano Tenman-gu

         เวลา 16.00 น.พวกเราเดินทางต่อไปยังวัดคิโยมิซึหรือวัดน้ำใส (清水寺) ที่ชื่อว่าวัดน้ำใสเพราะวัดนี้เป็นวัดที่มีน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลมาจากแม่น้ำสามสาย ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ นักท่องเที่ยวต่างเข้าคิวดื่มน้ำจากแม่น้ำสามสายเพราะมีความเชื่อว่า ถ้าใครดื่มน้ำสายที่ 1 จะประสบความสำเร็จด้านการศึกษา ถ้าใครดื่มน้ำสายที่ 2 จะสมหวังในความรักและน้ำสายที่ 3 จะมีสุขภาพแข็งแรง


วัดคิโยมิซึหรือวัดน้ำใส (清水寺)
         จากนั้นเวลา 18.30 น.พวกเราก็เดินทางเข้าที่พักคะ ที่พักในครั้งนี้เป็นโรงแรมแบบญี่ปุ่นหรือเรียวกัง (旅館) คะ เนื่องจากว่าค่าห้องพักมีราคาสูงมาก ทางศูนย์ The Japan Foundation จึงจัดให้พวกเราพักห้องละ 4 คนคะและภายในโรงแรมมีออนเซ็นให้แช่ด้วยคะ แต่พวกเราไม่มีใครไปแช่เลยเพราะว่าอายคะ หลังจากขนสัมภาระเข้าห้องพักแล้ว เวลา 19.30 น.พวกเราก็ร่วมรับประทานอาหารเย็นกัน โดยทุกคนได้เปลี่ยนชุดยูกาตะและมาทานอาหารเย็นร่วมกันคะ


เรียวกัง (旅館)



รับประทานอาหารเย็นร่วมกัน


วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2554
         วันนี้พวกเราจะไปเที่ยวที่นารากันต่อคะ โดยตอนเช้าพวกเรารับประทานอาหารเช้ากันที่โรงแรม(บุฟเฟต์) หลังจากนั้นเวลา 08.30 น.พวกเราก็เดินทางไปทำเส้นโซเมงที่ Menyu-kan (麺ゆう館) ซึ่งที่นี่จะมีวิทยากรที่คอยสอนเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของการทำเส้นโซเมงแบบญี่ปุ่น และสาธิตวิธีการทำ จากนั้นก็ให้พวกเราลองทำดูคะ สนุกมากๆเลยคะ แล้วพวกเราก็ได้ทานอาหารกลางวันที่ทำจากเส้นโซเมงคะรสชาติก็คล้ายกับก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่น้ำใสของบ้านเราคะ



ทำเส้นโซเมงที่ Menyu-kan


อาหารกลางวันที่ทำจากเส้นโซเมง

         หลังจากนั้นเวลา 13.30 น.เราก็เดินทางต่อไปที่วัดโทไดจิ (東大寺) จุดเด่นของวัดนี้ก็คือจะมี วิหารหลวงพ่อโต ซึ่งเป็นวิหารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นคะ และวิหารหลังนี้ก็เป็นที่ประดิษฐาน “พระใหญ่แห่งเมืองนารา”ซึ่งมีความสูงถึง 16 เมตรคะ วัดนี้เป็นวัดที่มีกวาง (鹿) เยอะมากเลยคะตั้งแต่ประตูทางเข้าวัด และสองข้างทางก็จะมีร้านขายขนมเพื่อให้อาหารกวาง ซึ่งกวางพวกนี้ไม่กลัวคนเลยคะ เวลาที่เห็นเราซื้ออาหารให้พวกเขา พวกเขาก็จะเดินเข้ามาขอทันทีเลยคะ เรียกได้ว่าเดินตามกันเลยทีเดียว แต่ว่าก็อันตรายเหมือนกันนะคะเพราะว่ากวางพวกนี้ถ้าเรามีอาหารแต่ไม่ยอมให้มัน พวกมันก็จะงับเราเลยคะเห็นเพื่อนเราบอกว่าเจ็บมากอยู่เหมือนกัน เพราะขนาดกลับมาที่พักแล้วก็ยังแดงไม่หายเลยคะ หลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับที่ศูนย์ The Japan Foundation และถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพเวลา 16.30 น.คะ



วัดโทไดจิ (東大寺)


พระใหญ่แห่งเมืองนารา


กวางเจ้าถิ่น


วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2554
       วันนี้เป็นวันอาทิตย์คะและก็เป็นวันอาทิตย์สุดท้ายของโครงการนี้ วันนี้เราและเพื่อนๆนัดกันว่าจะไปซื้อของที่นัมบะคะ หลังจากที่พวกเราทานอาหารเช้าที่ศูนย์ฯเสร็จแล้วประมาณ 10.00 น.พวกเราก็ออกเดินทางไปนัมบะคะ หลังจากที่ถึงนัมบะแล้วเพื่อนส่วนหนึ่งอยากไปร้านหนังสือ และพวกเราอยากไปซื้อของก็เลยตัดสินใจแยกกันคะ เราและเพื่อนคนไทยอีกสองคนเดินซื้อของที่นัมบะจนถึงเวลา 13.00 น.พวกเราก็แวะทานข้าวกลางวันคะ แต่ข้าวกลางวันของเราพิเศษหน่อยนะคะเพราะวันนี้พวกเราสามคนไปทานอาหารไทยที่สถานีนัมบะคะ หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ เราและเพื่อนอีกคนเลยตัดสินใจจะไปเที่ยวต่อที่พิพิธภัณฑ์ Osaka Maritime Museum คะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจมากเลยคะ ตัวของพิพิธภัณฑ์อยู่ติดทะเลและป็นรูปโดมครึ่งวงกลมคะ ภายในจัดแต่งและให้ความรู้เกี่ยวกับชีวิตของชาวประมงหรือลูกเรือ รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้บนเรือคะ ที่น่าสนใจก็คือมีเรือลำขนาดใหญ่มากตั้งอยู่กลางพิพิธภัณฑ์และเราสามารถขึ้นไปชมและถ่ายรูปได้คะ หลังจากเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์เสร็จแล้วเราก็เดินทางกลับและไปทานอาหารเย็นที่ศูนย์ฯคะ หลังจากนั้นก็กลับห้องพักและทำการบ้าน Memo ที่จะส่งในวันพรุ่งนี้คะ






พิพิธภัณฑ์ Osaka Maritime


วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2554
         วันนี้ตอบคาบเช้า 09.00 – 11.50 น.เป็นคาบเรียน学習の振り返りครั้งที่ 4 คะ เป็นชั้นเรียนที่เกี่ยวกับการพูดคุยถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเข้าร่วมโครงการนี้ ซึ่งวันนี้อาจารย์จะเรียกเก็บกระดาษแผ่นใหญ่ขนาด A3 ที่ได้ให้พวกเราไว้เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาหลังจากที่ส่งแผ่นที่สองไปคะ แผ่นนี้ถือเป็นแผ่นที่สามคะ และอาจารย์นำมาตรวจดูว่าเราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆบ้างในเรื่องของภาษาญี่ปุ่นและวัฒนธรรมญี่ปุ่น จากนั้นก็นำมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันในชั้นเรียนคะ นอกจากนั้นในชั้นเรียนนี้อาจารย์จะแจกเอกสารที่เกี่ยวกับงานของเราทั้งหมดที่เราทำระหว่างที่อยู่ในโครงการนี้ ทั้งในส่วนของ Speech  และ Interview ทั้งหมดคะ


Memo 3

         ช่วงบ่าย 13.20 – 15.10 น.เป็นชั้นเรียนที่อาจารย์และเจ้าหน้าที่จะมาอธิบายเกี่ยวกับการเดินทางกลับของพวกเราคะจะมีการชี้แจงรายละเอียดตารางเวลาการเดินทางกลับประเทศของแต่ละคน รวมถึงข้อจำกัดของสัมภาระในการเดินทางว่าจะต้องมีขนาดและน้ำหนักเท่าไหร่ หากน้ำหนักเกินทางสายการบินจะคิดเงินเพิ่ม 1 กิโลกรัม 10,000 เยนคะ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะมาเส้นโซเมงที่เราได้ไปทำที่นารามาแจกให้พวกเราด้วยคะ


เส้นโซเมงที่ฝีมือเรา

         หลังเลิกเรียนเราและเพื่อนๆนัดกันขับจักรยานไปที่ AEON คะเพื่อที่จะไปถ่ายสติ๊กเกอร์ (プリクラ) ด้วยกัน และทานอาหารเย็นร่วมกันคะ ระหว่างรอเพื่อนๆมาครบเราก็ได้ไปเล่นเกมส์ที่เกมส์เซ็นเตอร์กับเพื่อนชาวแคนาดาก่อนคะ หลังจากนั้นพวกเราก็มาถ่ายรูปสติ๊กเกอร์กัน เพื่อนบางส่วนก็กลับก่อนคะแต่เรากับเพื่อนอีกส่วนอยู่ทานอาหารเย็นที่  AEON ก่อนกลับคะ


ขับจักรยานไปที่ AEON


ถ่ายสติ๊กเกอร์ (プリクラ)


ทานอาหารเย็นที่ AEON


วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554
         คาบเช้า 09.00 – 11.50 นเป็นขั้นเรียนที่อาจารย์จะเรียกเราเข้าพบแบบตัวต่อตัวคะคนหนึ่งใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพื่อประเมินตัวเราและสอบถามเราเกี่ยวกับพัฒนาการของภาษาญี่ปุ่นคะ และอาจารย์ยังถามด้วยว่าถ้าเรากลับประเทศของเราไปเราจะพัฒนาภาษาญี่ปุ่นของเราอย่างไร และจะเรียนอะไรเพิ่มเติมหรือฝึกฝนเพิ่มเติมอย่างไรคะ จากนั้นอาจารย์จะอธิบายถึงเอกสารต่างๆที่เราจะได้รับก่อนจะกลับประเทศของพวกเรา จะมีทั้งเอกสารที่เราต้องนำกลับไปให้อาจารย์และในส่วนที่อาจารย์ต้องเขียนคอมเมนต์เพื่อตอบกลับไปให้ที่ศูนย์ The Japan Foundation, และมีในส่วนที่เป็นการบ้านของเราเองด้วยคะจะเป็นเกี่ยวกับผลตอบรับเป็นอย่างไรหลังจากที่เราแนะนำโปรแกรมนี้ให้รุ่นน้องของเราได้ฟัง หลังจากนั้นเราจะมีเวลาว่างไปเก็บกระเป๋าเพื่อที่จะเตรียมตัวกลับประเทศคะ
         เวลา 13.20 – 16.20 น.เป็นเวลาที่ให้พวกเรามา copy รูปภาพในการทำกิจกรรมต่างๆจากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลพวกเราในโรงการนี้
         ช่วงบ่ายจะมีเวลาให้เราได้แต่งตัวคะเพราะตอนเย็นของวันนี้จะมีงานเลี้ยงส่งอำลา ซึ่งพวกเราคนไทยทุกคนก็ได้เตรียมชุดไทยมางานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วยคะ ภายในงานเลี้ยงส่งอำลาจะมีพิธีมอบประกาศนียบัตรให้กับพวกเราทุกคนด้วยคะ แขกที่มาในงานก็จะมีทั้ง Home visit ที่เราเคยไปเยี่ยม, และคณะผู้บริหารของ The Japan Foundation รวมทั้งอาจารย์และเจ้าหน้าที่ที่สอนและดูแลพวกเราคะ หลังจากรับประกาศนียบัตรเสร็จแล้ว พวกเราก็ได้ร้องเพลงอำลาและกล่าวขอบคุณอาจารย์และเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเราตลอดโครงการนี้คะ





งานเลี้ยงส่งอำลาและพิธีมอบประกาศนียบัตร

         ตอนค่ำของวันนี้พวกเราก็มีปาร์ตี้ที่ห้องคาราโอเกะกันครั้งสุดท้ายด้วยคะ เพื่อนๆต่างมานั่งเขียนเฟรนด์ชิพให้กันอย่างตั้งอกตั้งใจ เป็นปาร์ตี้ครั้งสุดท้ายที่มีความสุขมากๆเลยคะ


วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2554
         วันนี้ป็นวันที่พวกเราเดินทางกลับประเทศคะซึ่งแต่ละคนจะมีเวลากลับไม่เหมือนกันคะ เช้าที่สุดจะเป็นเพื่อนชาวแคนาดาที่กลับเวลา 05.00 น.และถัดมาก็จะเป็นเพื่อนชาวเกาหลี ออสเตรเลีย(เพื่อนคนไทยอีก 2 คนก็เวลาเดียวกับเพื่อนชาวออกเตรเลียคะ) และเพื่อนๆที่อยู่แถบยุโรป จากนั้นก็จะเป็นเพื่อนชาวนิวซีแลนด์ และเป็นพวกเราคนไทยที่เหลืออีก 3 คนซึ่งขึ้นเครื่องเวลาประมาณ 17.10 น.คะ หลังจากนั้นก็จะมีเพื่อนชาวอินโดนีเซียที่กลับเวลา 3 ทุ่มและสุดท้ายเป็นเพื่อนชาวออสเตรเลียที่เหลือคนเดียวคะ
         วันนี้เป็นวันที่ทำให้รู้เลยว่าเราผูกพันกับเพื่อนๆและประเทศญี่ปุ่นมากแค่ไหน เพราะการเดินมาส่งเพื่อนกลับแต่ละครั้งความรู้สึกของเราคือ อยากจะร้องไห้ทุกครั้งเลยคะ(ร้องไปหลายครั้งแล้วด้วย) วันนี้เลยเป็นวันที่เศร้ามากเลยคะที่พวกเราต้องแยกจากกันแล้ว แต่ก็ทำให้เราได้รู้ว่าตลอดระยะเวลา 6 สัปดาห์ที่ได้อยู่โครงการนี้เรามีความสุขและสนุกมากจริงๆคะ พวกเราทุกคนผูกพันกันมากจริงๆคะ


bye bye osaka

2 ความคิดเห็น:

  1. เห็นภาพบรรยากาศแบบนี้แล้วอยากเป็นนักเรียนเเลกเปลี่ยนมั้งจัง อิจฉาคนทำบล็อกที่สุด ><

    ได้เรียน ได้เที่ยว ได้กิน ได้สนุก ได้เจอเพื่อนใหม่ๆและเพื่อนต่างชาติด้วย เห้อๆ อยากไปมั้งๆ

    ตอบลบ
  2. ปาณะภัจจ์ วิเชียรเนตร17 มกราคม 2555 เวลา 17:02

    เคยได้ทุนไปโครงการนี้เมื่อปี2545ครับ อ่านแล้วนึกถึงตัวเองเลย ยินดีกับรุ่นน้องด้วยนะครับ ประเทศญี่ปุ่นให้อะไรกับเรามากจริงๆ ขอให้เอาประสบการณ์ที่ดีๆกลับมาดำเนินชีวิตให้มีความสุขนะครับ

    ตอบลบ